พนักงานพาร์ทไทม์เป็นรูปแบบการทำงานพิเศษนอกเหนือจากพนักงานประจำ เป็นเรื่องปกติที่พนักงานพาร์ทไทม์จะตั้งเป้าที่จะทำงานเป็นพนักงานประจำเต็มเวลาที่ได้รับสัญญาจ้างระยะยาว แต่บางคนอาจจะต้องหาเลี้ยงชีพจากการเป็นพนักงานพาร์ทไทม์เท่านั้น โดยทั่วไปแล้วคนที่ต้องการทำงานพิเศษในเวลาว่างมักจะเป็น นักเรียน นักศึกษา และแม่บ้านทำงานที่ต้องการทำงานพิเศษในเวลากลางวันในขณะที่ลูกไปโรงเรียน
สารบัญ
- พนักงานพาร์ทไทม์คืออะไร
- ข้อดีของการเป็นพนักงานพาร์ทไทม์
- ข้อเสียของการเป็นพนักงานพาร์ทไทม์
- สวัสดิการของพนักงานพาร์ทไทม์
- วีซ่าการทำงานพาร์ทไทม์
คุณมีปัญหาเกี่ยวกับการหางานในญี่ปุ่นหรือไม่?
■ พนักงานพาร์ทไทม์คืออะไร
พนักงานพาร์ทไทม์คือ บุคคลที่ทำงานน้อยกว่า "พนักงานประจำ" ที่ทำงานในเวลาที่กำหนดวันละ 8 ชั่วโมงเป็นต้น คำว่า พาร์ทไทม์ หรือ "arbeit" ในภาษาเยอรมันหมายถึงผู้ที่ทำงานน้อยกว่าทำงานเต็มเวลาและทำงานหลังเลิกเรียนเป็นหลักหรือในวันหยุดสุดสัปดาห์และเวลาว่าง โดยคำนี้เป็นที่มาของคำว่า อารุไบโตะ (アルバイト) ในภาษาญี่ปุ่นนั่นเอง ภาพลักษณ์ของงานพาร์ทไทม์มักจะนึกถึงงานของนักศึกษา เป็นงานสำหรับนักเรียนเพื่อหารายได้เพื่อไปโรงเรียน ด้วยเหตุนี้ ภาพที่นักศึกษาทำงานพาร์ทไทม์เป็นงานเสริมหรืองานนอกเวลานั้นเป็นภาพที่เห็นได้ทั่วไปในญี่ปุ่น อ่านเพิ่มเติมที่ วีซ่านักเรียนกับการทำงานพิเศษที่ญี่ปุ่น พนักงานพาร์ทไทม์อาจมีภาพลักษณ์เป็นแม่บ้าน ที่ทำงานในขณะที่ลูกไปโรงเรียนด้วยก็ได้
บทความแนะนำ
■ ข้อดีของการเป็นพนักงานพาร์ทไทม์
ประโยชน์ของการทำงานเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ คืออะไร?
1.คุณสามารถทำงานในแบบที่ใช่สำหรับคุณ ข้อดีของการทำงานพาร์ทไทม์คือคุณสามารถทำงานในแบบที่เหมาะสมกับคุณได้ หากคุณมีสิ่งสำคัญอื่นๆที่ต้องทำในชีวิต เช่น งานบ้านหรือโรงเรียน ในเมื่อการทำงานเต็มเวลาเป็นเรื่องยาก คุณก็สามารถใช้เวลาว่างไปทำงานได้ ดังนั้นแม้แต่นักเรียนและแม่บ้านก็สามารถทำงานได้
2.เริ่มต้นง่ายๆ เป็นงานเสริม หมายความว่าคนที่มีงานหลักเช่น ทำงานเป็นพนักงานประจำ จะทำงานพาร์ทไทม์ต่อไปหลังเลิกงานหรือวันหยุดสุดสัปดาห์ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จำนวนบริษัทที่อนุญาตให้ทำงานพาร์ทไทม์เพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มรายได้ที่มีอยู่เนื่องจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นในปัจจุบัน
3.ความรับผิดชอบค่อนข้างน้อย คนทำงานพาร์ทไทม์มักจะมีความรับผิดชอบน้อยกว่า เนื่องจากชั่วโมงทำงานของพวกเขาสั้นกว่าผู้ที่ทำงานเต็มเวลาและสามารถทำงานได้เพียงระยะเวลาอันสั้น การตัดสินใจและความรับผิดชอบขั้นสุดท้ายมักได้รับการดูแลโดยพนักงานเต็มเวลาทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานที่ทำงาน ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่ามีความกดดันในการทำงานน้อยกว่า
4.คุณสามารถลองทำงานที่คุณสนใจได้ทันที ขอแนะนำให้ลองทำพาร์ทไทม์เมื่อคุณต้องการลองทำอาชีพหรืออุตสาหกรรมที่คุณสนใจ พนักงานพาร์ทไทม์มีอุปสรรคน้อยกว่าพนักงานทั่วไป และคุณสามารถลาออกได้หากพพบว่างานไม่เหมาะกับคุณ
■ ข้อเสียของการเป็นพนักงานพาร์ทไทม์
งานพาร์ทไทม์ ที่เหมือนจะดีแต่ก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกัน
1.ไม่มีความก้าวหน้า เป็นงานพาร์ทไทม์ที่มีความรับผิดชอบค่อนข้างต่ำ กดดันน้อยและลาออกได้ง่าย แต่คุณลักษณะนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นข้อเสียได้เหมือนกัน แม้จะดำเนินไปเป็นเวลานาน แต่ก็มีหลายกรณีที่ระบบความก้าวหน้าในอาชีพไม่เข้าที่หรือประเมินได้ยากและไม่คุ้มค่า เป็นรูปแบบการทำงานที่ไม่แนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคงในชีวิต
2.รายได้ต่ำ พนักงานพาร์ทไทม์ที่ทำงานเวลาน้อยกว่าพนักงานประจำหรือเต็มเวลามักจะมีรายได้น้อยลง รายได้มักจ่ายเป็นชั่วโมงตามเวลาที่คุณทำงาน คุณอาจประสบปัญหาเพราะคุณไม่สามารถหารายได้ได้มากเท่าที่ต้องการ
3.ความไม่แน่นอน พนักงานพาร์ทไทม์ไม่มีชั่วโมงการทำงานที่ชัดเจนในแต่ละเดือน อาจมีช่วงเวลาที่คุณต้องการทำงานแต่ไม่สามารถทำงานได้ คุณอาจทำงานด้วยความกระวนกระวายใจที่ไม่รู้ว่าจะถูกเลิกจ้างเมื่อใด พนักงานพาร์ทไทม์มักเป็นกลุ่มแรกที่จะถูกเลิกจ้างหากธุรกิจมีปัญหา
■ สวัสดิการของพนักงานพาร์ทไทม์
ต่อไปอยากจะแนะนำสวัสดิการของพนักงานพาร์ทไทม์ หลายคนอาจคิดว่าการลางานโดยได้รับค่าจ้างและประกันสังคมมีไว้สำหรับพนักงานประจำเท่านั้น แต่ทราบหรือไม่ว่า แม้แต่พนักงานนอกเวลาก็สามารถได้รับผลประโยชน์ได้หากปฏิบัติตามเงื่อนไข
การลาพักร้อน
วันลาประจำปีที่ได้รับค่าจ้าง (การลาพักร้อน) เป็นสิทธิของลูกจ้างที่สามารถรับได้หากตรงตามเงื่อนไข กล่าวอีกนัยหนึ่ง แม้แต่พนักงานนอกเวลาก็สามารถได้รับเงินได้หากตรงตามเงื่อนไขมีเงื่อนไขสองประการสำหรับการลาโดยได้รับค่าจ้าง:
(1) ทำงานมากกว่าหกเดือนนับแต่วันจ้าง
(2) ทำงานร้อยละ 80 ของวันทำการทั้งหมด
หากเป็นไปตามข้อกำหนดนี้ จะได้รับค่าจ้างตามสัดส่วนของจำนวนวันทำงานที่กำหนด จำนวนวันทำงานทั้งหมดในช่วงเวลานั้นคือจำนวนวันที่ระบุในสัญญาจ้าง หากคุณปฏิบัติตามเงื่อนไขก็สามารถลาโดยได้รับค่าจ้าง ควรปรึกษากับผู้รับผิดชอบของบริษัท
สวัสดิการเงินบำนาญและประกันสุขภาพ
เช่นเดียวกับการลาที่ได้รับค่าจ้าง ผู้ที่ทำงานพาร์ทไทม์สามารถทำประกันสังคมได้ (บำเหน็จบำนาญสวัสดิการ ประกันสุขภาพ ประกันแรงงาน ฯลฯ) หากเป็นไปตามเงื่อนไข โดยมีเงื่อนไขดังนี้
(1) ชั่วโมงการทำงานคงที่ต่อสัปดาห์คือ 20 ชั่วโมง
→ ไม่รวมชั่วโมงการทำงานล่วงเวลาและอ้างอิงจากชั่วโมงการทำงานที่กำหนด
(2) ค่าจ้างคงที่ต่อเดือนคือ 88,000 เยนขึ้นไป
→ ไม่รวมโบนัส ค่าล่วงเวลา ค่าเดินทาง ฯลฯ
(3) สัญญาจ้างคือหนึ่งปีขึ้นไป
→ แม้ว่าระยะเวลาการจ้างงานจะน้อยกว่าหนึ่งปี แต่ก็รวมถึงกรณีที่ระบุไว้อย่างชัดเจนในข้อบังคับการทำงานและสัญญาจ้างว่าอาจต่ออายุสัญญาได้
(4) ไม่ใช่นักเรียน
■ วีซ่าการทำงานพาร์ทไทม์
น่าเสียดายที่งานพาร์ทไทม์ไม่สามารถยื่นขอวีซ่าทำงานได้ คนที่จะทำงานพาร์ทไทม์ที่ญี่ปุ่นจะต้องเป็นผู้ที่ถือวีซ่าอยู่แล้ว ทั้งวีซ่านักเรียน วีซ่าคู่สมรส หรือวีซ่าถาวรอย่างเอจู สำหรับผู้ที่มีวีซ่าทำงานประเภทอื่นต้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่าวีซ่าของคุณกำหนดให้ทำงานเฉพาะที่ระบุในวีซ่าเท่านั้นหรือไม่ หากกำหนดการทำงานเฉพาะ คุณต้องเลือกงานพาร์ทไทม์ที่อยู่ในขอบเขตวีซ่าของคุณเท่านั้น และโปรดจำไว้ว่าถ้าวีซ่าคุณใกล้หมด การทำงานพาร์ทไทม์ไม่สามารถใช้ในการยื่นขอต่อเวลาวีซ่าได้ คุณต้องเปลี่ยนเป็นการจ้างงานแบบสัญญาจ้างหรือเป็นพนักงานประจำเท่านั้นถึงจะยื่นขอต่อเวลาวีซ่าได้.
ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจเดี่ยวกับการทำงานในประเทศญี่ปุ่น
