ภาษาญี่ปุ่นนับว่าเป็นภาษาที่เรียนรู้ได้ยากมากเป็นอันดับต้นๆ โดยที่ภาษาญี่ปุ่นมีตัวอักษรที่ใช้ถึง 3 แบบคือฮิรางานะ (ひらがな) และคาตาคานะ (カタカナ) และ คันจิ (漢字) และตัวอักษรที่หลายคนจะเจอปัญหามากที่สุดก็คือคันจิ ที่ทำให้หลายคนถอดใจในการเรียนภาษาญี่ปุ่น บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับคันจิให้เข้าใจมากขึ้น พร้อมทั้งเคล็ดลับในการเรียนรู้อักษรคันจิ
สารบัญ
- อักษรคันจิคืออะไร?
- ความรู้พื้นฐานของอักษรคันจิ
- วิธีที่มีประสิทธิภาพในการเรียนรู้อักษรคันจิ
- เคล็ดลับในการเรียนรู้อักษรคันจิ
■ อักษรคันจิคืออะไร?
อักษรคันจิคืออะไร?
คันจิเป็นอักษรจีน ตัวอักษรคันจิหลายตัวมีต้นกำเนิดจากจีน แต่ก็มีตัวอักษรคันจิที่สร้างขึ้นในญี่ปุ่นที่เรียกว่า「国字 kokuji」ซึ่งแปลว่า "ตัวอักษรประจำชาติ" หรือ「和製漢字 wasei kanji」ซึ่งหมายถึงคันจิที่มีต้นกำเนิดในญี่ปุ่น คันจิมีสองการอ่าน 「訓読み kunyomi」คือการอ่านแบบภาษาญี่ปุ่นและ「音読み onyomi」การอ่านแบบภาษาจีน สิ่งเหล่านี้สร้างความสับสนให้กับชาวต่างชาติด้วยตัวอักษรที่เป็นอักษรจีน วิธีการอ่าน และในคันจิตัวเดียวอาจมีความหมายที่หลากหลาย เพราะการอ่านคันจิตัวเดียวกันนั้นขึ้นอยู่กับประโยคและคำศัพท์ที่ตั้งขึ้น ตัวอย่างเช่น ตัวอักษร 電 (den) - ไฟฟ้า รวมกับตัวอักษร 車 (kuruma) - รถยนต์ จะกลายเป็น 電車 (Densha) → รถไฟ
ประวัติอักษรคันจิ
เชื่อกันว่าคันจิมีต้นกำเนิดในประเทศจีนแม้ว่าจะไม่แน่ชัดว่าถูกประดิษฐ์ขึ้นเมื่อใด คันจิเดิมเป็นภาพวาดที่แสดงสิ่งต่าง ๆ โดยแสดงความคิดผ่านภาพวาด เมื่อเวลาผ่านไป สัญลักษณ์เหล่านั้นก็พัฒนาเป็นตัวอักษรที่เขียนขึ้นในปัจจุบัน ในตัวอักษรคันจิได้รับการเผยแพร่สู่ญี่ปุ่นครั้งแรกในศตวรรษที่ 5 ผ่านทางคาบสมุทรเกาหลี เวลานั้นคนญี่ปุ่นยังไม่มีอักษรเป็นของตัวเองเลย ในช่วงแรกทุกอย่างเริ่มเขียนและอ่านเป็นภาษาจีน เมื่อถึงคริสต์ศตวรรษที่ 8 ชาวญี่ปุ่นเริ่มใส่คำอธิบายประกอบตัวอักษรจีนเพื่อทำเครื่องหมายการออกเสียงและเปลี่ยนให้เหมาะกับไวยากรณ์ภาษาญี่ปุ่น ตัวอักษรฮิรางานะและคาตาคานะจึงถือกำเนิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่อาจกล่าวได้ว่าคันจิในภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาจีนล้วนๆ เพราะมีอักขระคันจิบางตัวที่ชาวญี่ปุ่นสร้างขึ้นเอง
ภาษาญี่ปุ่นมีคันจิทั้งหมดกี่ตัว?
ไม่มีใครรู้ว่ามีคันจิกี่ตัวกันแน่! คันจินั้นมีมานานมากและจากการเปลี่ยนแปลงหลายครั้งจนไม่มีข้อมูลที่แน่นอนเกี่ยวกับตัวคันจิที่มีอยู่ทั้งหมด แหล่งข่าวบางแหล่งกล่าวว่าอาจมีถึงหลักหมื่น! แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะคนญี่ปุ่นเองก็ไม่ได้ใช้คันจิมากขนาดนั้น ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ของญี่ปุ่น ระบุว่ามีคันจิที่ใช้กันทั่วไปในชีวิตประจำวันทั้งหมด 2,136 ตัวเรียกว่า 常用漢字 (jouyou kanji) เราอาจจะแบ่งคันจิตามการสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น จะทำให้หลายคนเข้าใจได้ง่ายขึ้น โดยสำหรับระดับภาษาญี่ปุ่น JLPT N5 ผู้เรียนจะต้องรู้คันจิ 100 ตัว, ระดับ N4 ผู้เรียนจะต้องรู้คันจิ 300 ตัว,สำหรับระดับ N3 ผู้เรียนจะต้องรู้คันจิ 650 ตัว, สำหรับระดับ N2 ผู้เรียนจะต้องรู้คันจิ 1,000 ตัว และ สำหรับระดับภาษาญี่ปุ่น N1 ผู้เรียนจะต้องรู้คันจิ 2,000 ตัว
บทความแนะนำ
■ ความรู้พื้นฐานของอักษรคันจิ
วิธีอ่านตัวอักษรคันจิในภาษาญี่ปุ่น
คันจิแต่ละตัวมักจะมี 2 วิธีอ่าน:
-
วิธีอ่านเสียง 音読み On-yomi : เสียงอ่านแบบภาษาจีน
-
วิธีอ่านเสียง 訓読み Kun-yomi : เสียงอ่านต้นฉบับภาษาญี่ปุ่น.
แล้วจะทราบได้อย่างไรว่าเมื่อใดควรอ่าน On-yomi และเมื่อใดควรอ่าน Kun-yomi
โดยปกติเมื่อตัวอักษรคันจิถูกวางกับตัวอักษรคันจิอื่นในหนึ่งคำ มักจะอ่านตาม On-yomi เมื่อคันจินั้นเป็นคำเดี่ยวๆหรือประกอบกับฮิรางานะก็จะถูกอ่านตาม Kun-yomi อย่างไรก็ตาม ยังมีกรณีพิเศษอีกมากมายที่คุณต้องจำ! คุณอาจสังเกตเห็นว่าการอ่านคันจิไม่ตรงกับการอ่าน Kun-yomi หรือ On-yomi เสมอไป ตัวอย่างเช่น 「学校」 คือการรวมกันของคันจิสองตัว 学 (がく) และ 校(こう) อ่านว่า 「がっこう」 ไม่ใช่ 「がくこう」 นี่คือบางคำในภาษาญี่ปุ่นที่ต้องจดจำ
วิธีเขียนตัวอักษรคันจิภาษาญี่ปุ่น
เมื่อเขียนคันจิ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องรู้ลำดับการขีดและทิศทางที่ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้น มือใหม่ที่เรียนภาษาญี่ปุ่นมักคิดว่าลำดับการขีดเขียนไม่สำคัญตราบใดที่เขียนขั้นสุดท้ายเสร็จสมบูรณ์ออกมาเหมือนกัน แต่การเขียนที่ถูกต้องนอกจากจะช่วยให้คุณจำคันจิได้อย่างถูกต้องแล้ว ลำดับการขีดเขียนที่ถูกต้องยังช่วยให้จำง่ายขึ้นและรู้ความแตกต่างของคันจิที่เขียนคล้ายกัน
การเขียนคันจิให้ถูกต้อง
-
ด้านบน → ด้านล่าง
-
ซ้าย → ขวา
-
แนวนอนก่อน → แนวตั้งหลัง
-
ขีดเฉียงซ้าย (จากขวาไปซ้าย) → ขีดเฉียงขวา (ลากจากซ้ายไปขวา)
-
เส้นตรงยาวลากเป็นสิ่งสุดท้าย
-
เขียนกรอบนอกก่อน→ข้างใน
-
สำหรับในกรอบ ให้เขียนเส้นแนวตั้งด้านซ้ายก่อน
แม้ว่าคุณจะจำกฎเหล่านี้ไม่ได้ทั้งหมดเมื่อเขียนคันจิ พจนานุกรมภาษาญี่ปุ่นเฉพาะทางส่วนใหญ่ เช่นmazii และjdictมีคำแนะนำสำหรับลำดับขีดของคันจิให้คุณปฏิบัติตาม
■ วิธีที่มีประสิทธิภาพในการเรียนรู้อักษรคันจิ
เรียนอักษรคันจิจากหนังสือ
หนังสือที่ตีพิมพ์รับประกันคุณภาพและได้รับความน่าเชื่อถือ ดังนั้นคุณจึงวางใจได้ที่จะใช้เพื่อการเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นของคุณ นี่คือหนังสือคันจิที่มีประโยชน์ที่เราอยากแนะนำ:
-
Kanji Look and Learn
-
Kanji Master(漢字マスター)
-
Nihongo Soumatome Kanji (日本語総まとめ漢字)
จดจำตัวอักษรคันจิญี่ปุ่นผ่าน 214 บุชู (214 部首)
214 บุชู (部首 - bushu) "ชุดคันจิ" และมีทั้งหมด 214 เครื่องหมาย ดังนั้นแทนที่จะจำทุกคำของตัวอักษรคันจิของญี่ปุ่น คุณสามารถมุ่งเน้นที่การเรียนรู้ตัวคันจิผ่าน 214 เครื่องหมายได้ ช่วยให้คุณประหยัดเวลาและจดจำคันจิได้แบบมีหลักการจำ
เรียนรู้อักษรคันจิญี่ปุ่นผ่านแอพ
อะไรจะดีไปกว่าการใช้สมาร์ทโฟนที่คุณพกติดตัวไปเกือบทุกที่เพื่อเรียนรู้อักษรคันจิของญี่ปุ่น! เราขอแนะนำแอพเหล่านี้
Anki
แอพที่สมบูรณ์แบบหากคุณต้องการเรียนรู้โดยใช้วิธีใช้ flashcard!
Quizlet
แอพนี้ให้คุณสร้างบทเรียนส่วนตัวพร้อมเกมที่จะเรียนรู้ขณะเล่น แอพนี้ยังมีไอคอนน่ารักมากมายและชมเชยผู้เรียนเมื่อพวกเขาตอบถูกเพื่อให้คุณมีแรงบันดาลใจ!
MochiMochi
แอพนี้มีจุดแข็งกว่าแอพด้านบนที่จำแนกคำศัพท์ออกเป็น 5 ระดับ คุณจะรู้ว่าคำใดได้เรียนรู้แล้ว คำใดง่าย หรือ ยาก แอพนี้ยังมีโหมดเตือนความจำ ถ้าคุณไม่ไปที่แอพการเรียนรู้เป็นเวลานาน แอพจะส่งเมสเสจเตือนคุณ
■ เคล็ดลับในการเรียนรู้อักษรคันจิ
ภูมิภาคที่ใช้ตัวอักษรจีนประกอบด้วย 6 ประเทศ: จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลี เกาหลีและเวียดนาม เวียดนามเป็นประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีตัวอักษรจีน ส่วนประเทศไทยนั้นไม่ต้องพูดถึง สำหรับคนที่เรียนภาษาญี่ปุ่นนั้น คันจิเป็นสิ่งที่ยากที่สุด แล้วเราจะเรียนรู้ได้อย่างไรล่ะ เคล็ดลับคือการอ่าน ให้เลือกหนังสือที่คุณชอบ การอ่านหนังสือภาษาญี่ปุ่น (ที่ไม่ใช่หนังสือเรียน) มีประโยชน์มากที่สุด อาจจะเป็นหนังสือนิทานเด็ก, แม็กกาซีนที่มีบทสัมภาษณ์ของดารานักแสดงที่คุณชอบ, อ่านการ์ตูนภาษาญี่ปุ่นที่คุณชอบ โดยส่วนใหญ่การ์ตูนภาษาญี่ปุ่นจะมีฟุริงานะของคันจิที่ใช้เขียนประกอบให้อยู่แล้ว หรือจะดูหนังหรือละครพร้อมคำบรรยายภาษาญี่ปุ่น จะทำให้ช่วยในการจำคันจิได้มากขึ้น