ฮาเสะเดระ (長谷寺 / Hasedera) วัดดังในเมือง Kamakura เป็นที่รู้จักในนาม "วัดดอกไม้" เนื่องจากมีดอกไม้บานตามฤดูกาล เช่น ดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิ , ดอกไฮเดรนเยีย (อะจิไซ) ในฤดูฝน และใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง นอกจากนี้ วัดแห่งนี้ก็มีขนาดใหญ่และยังมีเทพคันนอน (Kannon) ซึ่งเป็นหนึ่งในพระพุทธรูปไม้ที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น มีจิโซนำโชค มีถ้ำที่สามารถสักการะเทพเจ้าตามที่ต้องการได้ ฯลฯ ขอแนะนำให้ใช้เวลาสบายๆเที่ยวชมวัดให้ทั่ว ที่นี่อาจจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มากกว่าวัดที่คุณเคยรู้จัก
■ ความเป็นมา
Hasedera ฮาเซเดระ (วัดฮาเซะคันนอน) ตั้งอยู่ทางใต้ของโตเกียวญี่ปุ่นบนภูเขาคามาคุระพร้อมวิวทะเลเป็นที่ตั้งของรูปปั้นยักษ์ของเทพคันนอน (Kannon) เทพีแห่งความเมตตา ในแง่ของประวัติของวัด Hasedera นั้นค่อนข้างไม่ชัดเจนว่าอะไรคือความจริงและอะไรเป็นตำนาน ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าวัดนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 736 หลังจากที่พระโทคุโดโชนินพบต้นไม้ขนาดใหญ่ในป่าเมืองนาระเขาได้ตัดต้นไม้ ครึ่งหนึ่งและแกะสลักรูปปั้นเทพคันนอนสององค์ในปี 721 รูปปั้นแรกแกะสลักจากครึ่งล่างของต้นไม้ปัจจุบันอยู่ในวัดที่มีชื่อเดียวกันของนาระ รูปปั้นที่สองแกะสลักจากครึ่งบนถูกโยนลงทะเลและเกยขึ้นบนคาบสมุทรมิอุระในปี 736 วัดฮาเซเดระของคามาคุระ จึงก่อตั้งขึ้นในเวลาต่อมาเพื่อเป็นที่ตั้งของรูปเคารพของเทพคันนอน (Kannon)
บทความแนะนำ
■ จุดที่ต้องไปเยี่ยมชม
https://www.hasedera.jp/p1300/
ประการแรกลักษณะที่มีชื่อเสียงที่สุดของ Hasedera คือรูปแกะสลักไม้ปิดทองที่มีความสูง 9.18 เมตรของเทพคันนอน (Kannon) 11 เศียร ซึ่งเป็นหนึ่งในประติมากรรมไม้ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นและสามารถชมได้ในอาคารหลักของวัด Hasedera ซึ่งก็คือ Kannon do Hall นี่คือจุดเด่นที่ชัดเจนสำหรับผู้เข้าชมส่วนใหญ่ และทางวัดไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพของเทพคันนอน (Kannon) ดังนั้นคุณสามารถชมความโอ่อ่าสวยงามได้จากทางสายตาเท่านั้น
Kannon Museum พิพิธภัณฑ์คันนอน ในส่วนของวัดได้ก่อตั้งขึ้นในยุคเมจิ แต่ได้เริ่มสร้างและเปิดพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชมได้ในปี 1980 มีการเฉลิมฉลองพิพิธภัณฑ์ฉลองครบรอบ 35 ปี ในปี 2015 และด้วยเหตุนี้ Kannon Museum จึงได้รับการปรับปรุงใหม่มากมาย การปรับปรุงอุปกรณ์รูปปั้นที่เสื่อมสภาพก่อนหน้านี้ นอกเหนือจากจากรูปปั้น Kannon Bosatsu (พระโพธิสัตว์) ซึ่งเป็นรูปเคารพหลักของคามาคุระ วัดฮาเซเดระยังได้จัดแสดงสมบัติเก่าแก่อื่น ๆ ของวัดอีกด้วย ในส่วนการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ มีค่าเข้าชมที่ ผู้ใหญ่ 300 เยน เด็ก 150 เยน ในส่วนนี้เปิดทำการ 9:00 to 16:30 (เข้ารอบสุดท้ายก่อน 16:00)
ในขณะที่ทุกคนจะต้องมาสักการะรูปปั้นแกะสลักของเทพคันนอนแล้ว แต่ไฮไลท์ที่น่าประทับใจอีกแห่งก็คือถ้ำที่อยู่ในวัดนั่นเอง ในถ้ำมีรูปแกะสลักของเทพต่างๆมากมายด้านในและมีรูปปั้นขนาดเล็กจำนวนมากอยู่ในถ้ำเล็กๆมืดๆและมีแสงเทียนเท่านั้นที่ให้ความสว่าง เป็นอีกหนึ่งจุดที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือนฮาเซเดระ
■ การเดินทาง
https://goo.gl/maps/88vXZZ9cWSR7oHX88
เดินทางโดยรถไฟสายเอโนะเดน Enoden มายังสถานีฮาเซะ Hase เดินอีกประมาณ 5 นาที ซึ่งวัดนี้อยู่ก่อนถึงพระใหญ่ไดบุตสึ
■ ค่าเข้าชมและเวลาทำการ
ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 400 เยน เด็ก 200 เยน (อายุ 6-11 ปี)
เวลาทำการ มีนาคม - กันยายน 08:00 - 17:30 น. (เข้าชมรอบสุดท้าย 17:00 น.)
ตุลาคม - กุมภาพันธ์ 08:00 - 17:00 น. (เข้าชมรอบสุดท้าย 16:30 น.)
■ คำแนะนำพิเศษ
ในช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปี ประเทศญี่ปุ่นจะเข้าสู่ช่วงฤดูฝน ในฤดูฝนที่อากาศก็ร้อนมีความชื้นในอากาศก็สูง ทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะไม่สบายตัว ดูแล้วอาจจะไม่ค่อยเหมาะกับการมาท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นสักเท่าไหร่ แต่ก็ยังมีเสน่ห์ที่หาดูได้เฉพาะหน้าฝนนี้นั่นก็คือ การไปชมดอกอะจิไซ (Ajisai) หรือดอกไฮเดรนเยีย (Hydrangea) ซึ่งดอกอะจิไซนี้จะบานอวดโฉมเฉพาะในหน้าฝนนี้เท่านั้น และที่วัดฮาเซะนี้ถือว่า สถานที่ชมดอกอะจิไซที่สวยที่สุดในคามาคุระ แต่ตามท้องถนนและบ้านเรือนทั่วไปก็สามารถพบเห็นดอกอะจิไซได้เหมือนกัน ช่วงดอกอะจิไซบานนี้ถือเป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยวของคามาคุระเลยทีเดียวค่ะ
โดยรวมแล้วหากคุณตัดสินใจที่จะเดินทางจาก Tokyo ไปยัง Kamakura อยากแนะนำว่าวัดฮาเซะ (Hasedera) เป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาด รูปปั้นแกะสลักเทพคันนอนที่เป็นสัญลักษณ์เช่นเดียวกับ พระใหญ่ไดบุตสึที่เป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจนักท่องเที่ยวมากมายที่มาเยือน Kamakura แต่ Hasedera มีความงามที่ละเอียดอ่อนมาก รวมถึงสภาพแวดล้อมด้วย มีถ้ำที่ไม่เหมือนใครและสามารถชมวิวทะเลที่มองเห็นชายหาดยูอิกาฮามะได้ คุณจะได้รับความเพลิดเพลินในการมาเยี่ยมเยือนอย่างแน่นอน ที่นี่เป็นหนึ่งในวัดที่เราชื่นชอบและค่อนข้างอยากแนะนำ หากคุณทีแผนที่จะมาสักการะพระใหญ่ควรรวมไว้Hasederaในแผนการเดินทางไป Kamakura ด้วย
