อาคิตะอินุ หรือสุนัขพันธุ์อาคิตะกันแล้ว อาคิตะอินุเป็นสุนัขที่น่ารัก และจงรักภักดี คนที่เคยไปชิบุย่าคงจะคุ้นเคยกับรูปปั้นฮาจิโกะเป็นอย่างดี และรู้หรือไม่ว่าเจ้าฮาจินี่ก็คืออาคิตะอินุเหมือนกัน วันนี้ไปพาทำความรู้จักกับอาคิตะอินุและประวัติของฮาจิโกะกัน
■ ลักษณะทั่วไป
อาคิตะอินุ หรือสุนัขพันธุ์อาคิตะเป็นสุนัขขนาดใหญ่ มีร่างกายกำยำ มีลำตัวที่ยาวกว่าความสูง อาคิตะอินุมีรูปร่างลักษณะที่ได้สัดส่วนสมดุล มีขนสั้นไปถึงยาวปานกลางและมีขนที่หนามาก ขนด้านล่างหนาและนุ่มทำให้อาคิตะอินุเหมาะกับอากาศหนาวเย็น อาคิตะอินุได้ถูกยกย่องให้เป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อเจ้าของมากที่สุด และด้วยความซื่อสัตย์จนเป็นที่กล่าวขวัญของคนทั่วไป สุนัขสายพันธุ์อาคิตะ จึงเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นทั่วโลก
บทความแนะนำ
■ ความเป็นมา
สุนัขที่ล่าสัตว์ร่วมกับมนุษย์ที่เรียกกันว่า "สุนัขมาตางิ" ในจังหวัดอาคิตะ สุนัขมาตากินี้มีประโยชน์มาตั้งแต่สมัยโบราณ สุนัขมาตากิในจังหวัดอาคิตะ ถูกเรียกว่า "สุนัขอาคิตะ มาตากิ" โดยเฉพาะ และนี่คือสายพันธุ์ที่คาดว่าจะเป็นบรรพบุรุษของสุนัขอาคิตะ สุนัขสายพันธุ์อาคิตะ เป็นสุนัขประจำชาติของญี่ปุ่น ซึ่งในสมัยก่อนนั้น อาคิตะ จะถูกเพาะสุนัขพันธุ์และเลี้ยงไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้เป็นสุนัขอารักขาองค์จักรพรรดิ อีกทั้งยังใช้งานในกองทัพทหารและตำรวจอย่างกว้างขวางอีกด้วย ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สายพันธุ์อาคิตะเริ่มเข้าสู่วิกฤตอย่างแท้จริง เนื่องจากจำนวนของสุนัขสายพันธุ์นี้ลดลงเป็นจำนวนมากจากสาเหตุของการขาดแคลนอาหาร สุนัขสายพันธุ์ต่าง ๆ ขาดอาหารและล้มตายเป็นจำนวนมาก ภายหลังสงครามจบสิ้นลง จึงเริ่มมีการฟื้นฟูสุนัขสายพันธุ์อาคิตะ ขึ้นมาใหม่ ซึ่งในช่วงนี้เองที่อาคิตะถูกชาวอเมริกันที่หลงรักในสุนัขสายพันธุ์นี้นำเข้าไปยังอเมริกาจำนวนมาก และได้รับการพัฒนาสายพันธุ์จนกลายเป็น อเมริกัน อาคิตะ ในภายหลังสมาคมผู้พัฒนาพันธุ์สุนัขของประเทศอังกฤษ ได้ทำการวิจัยและได้ข้อสรุปว่า แจแปนนิส อาคิตะ เป็นสายพันธุ์ดั้งเดิมที่ไม่มีการผสมข้ามสายพันธุ์แต่อย่างใด
■ ลักษณะนิสัย
อาคิตะ เป็นสายพันธุ์สุนัขที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ค่อนข้างรักสันโดษ และไม่ค่อยแสดงความรู้ออกมาให้เห็นนัก ไม่ว่าจะกับเจ้าของหรือคนแปลกหน้า หรือสัตว์เลี้ยงด้วยกันเอง พวกเขามักไม่ค่อยเข้าใกล้คนแปลกหน้า จึงจำเป็นต้องได้รับการฝึกฝนให้เข้าสังคมอย่างเพียงพอ เพื่อลดความก้าวร้าวที่อาจเกิดขึ้นเมื่อพบคนแปลกหน้า นอกจากนี้ อาคิตะ ยังเป็นสุนัขที่ฉลาด อดทน มีพลัง ห้าวหาญ กล้าตัดสินใจ โดยอุปนิสัยที่ถือเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของสุนัขสายพันธุ์นี้ คือความซื่อสัตย์และความจงรักภักดีต่อเจ้าของ พวกเขาได้รับการยกย่องในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คนทั่วโลกหันมาชื่นชมและสนใจเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์นี้กันมากขึ้นตามลำดับ
■ การดูแล
ขอแนะนำให้เริ่มฝึกวินัยของอาคิตะอินุตั้งแต่อายุประมาณ 2 ถึง 3 เดือน สิ่งที่สำคัญที่สุดในวินัยของอาคิตะอินุคือการชี้แจงว่าใครเป็นผู้นำเช่น การไม่รับประทานอาหารจนกว่าจะได้รับคำสั่งในขณะรับประทานอาหาร อาคิตะเป็นสุนัขที่ดูแลความสะอาดง่าย พวกเขาจะมีนิสัยรักสะอาดอยู่แล้วดังนั้นผู้เลี้ยงจึงไม่ต้องกังวลเรื่องความสะอาดเท่าไหร่นัก แต่สิ่งที่ควรใส่ใจก็คือ การพาพวกเขาไปออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะอาคิตะจะเป็นสุนัขขที่มีพลังงานในร่างกายที่ค่อนข้างสูง ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ทั้งยังมีนิสัยเบื่อง่าย ดังนั้นการออกกำลังกายจะช่วยให้อาคิตะได้ใช้พลังงานที่อยู่ในร่างกายนั้นและลดความเบื่อหน่ายซึ่งเป็นที่มาของภาวะเครียดด้วย นอกจากนี้ยังมีอีกเรื่องที่ต้องระวังคือ แม้สุนัขสายพันธุ์อาคิตะ จะเป็นสุนัขที่สามารถทนกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นได้ดี แต่ในทางตรงข้าม พวกเขามีความสามารถในการทนอากาศร้อนได้ในระดับต่ำ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการเลี้ยงดูสุนัขสายพันธุ์นี้ไว้ในที่ที่มีอากาศร้อนจัด
■ รูปปั้นฮาจิโกะ
ฮาจิ เป็นสุนัขสายพันธุ์อาคิตะเป็นสัญลักษณ์ถึงความจงรักภักดีอันน่าทึ่งจากการที่มันเฝ้ารอเจ้านายของมันเป็นเวลาหลายปี แม้ว่าเจ้านายของมันจะเสียชีวิตไปแล้วศาตราจารย์อุเอะโนะในสาขาวิทยาศาสตร์การเกษตรที่มหาวิทยาลัยโตเกียว อยากได้สุนัขพันธุ์อาคิตะแท้ๆ จึงไปหามาเพื่อเลี้ยงจากจังหวัดอาคิตะ และได้พบลูกสุนัขตัวหนึ่งและรับกลับมาเลี้ยง พร้อมตั้งชื่อให้ว่า “ฮาจิ” ศาตราจารย์และภรรยารักมันมาก ฮาจิเกิดเมื่อปี 1923 ทีเมืองอาคิตะ เจ้าฮาจิได้เดินไปส่งท่านศาตราจารย์อุเอะโนะไปทำงานทุกวันที่สถานีรถไฟชิบูย่าในตอนเช้า แล้วออกไปรอรับเจ้านายกลับจากสถานีรถไฟในตอนเย็นอีก 2 ปีต่อมาท่านศาตราจารย์อุเอะโนะไปสอนที่มหาวิทยาลัยโตเกียวตามปกติ แต่ว่าเกิดอาการเลือดคั่งในสมองและเสียชีวิตที่มหาวิทยาลัยทันที และเย็นวันนั้นเจ้าฮาจิ ก็ไม่ได้พบกับเจ้านายมันอีก มันยังคงนั่งรอเจ้านายของมันอยู่ทุกวันเช่นเดิม ในตอนบ่ายๆจะออกไปตามช่วงเวลาๆเดิมๆและกลับหลังจากที่รถไฟเที่ยวที่ศาตราจารย์อุเอะโนะเคยกลับมาถึง เป็นแบบนี้เป็นประจำทุกวัน ผู้สื่อข่าวได้หยิบเรื่องของฮาจิมาตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์เมื่อปี 1932 และทำให้ฮาจิมีชื่อเสียงไปทั่วญี่ปุ่น ผู้คนต่างเรียกเขาว่า “ฮาจิผู้ซื่อสัตย์” รูปปั้นของฮาจิถูกสร้างขึ้นและทำพิธีเปิดในปี 1934 พร้อมกับฮาจิเอง ท่ามกลางฝูงชนที่มาร่วมกันอย่างคับคั่ง ฮาจิจากไปอย่างสงบเมื่ออายุ 12 ปี เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 1935 ณ สถานีรถไฟที่ไปรอศาตราจารย์อุเอโนะอยู่เป็นประจำรวมและเจ้าฮาจิเฝ้ารอมาตลอด 10 ปีเต็มเลยทีเดียว ปัจจุบันรูปปั้นฮาจิอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟชิบูย่า และเป็นนิยมนัดพบกันของวัยรุ่นญี่ปุ่น สำหรับเจ้าฮาจิตัวจริงได้ถูกสตัฟฟ์ไว้ที่พิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติในอุเอโนะ
