ในบทความก่อนหน้านี้ได้กล่าวถึงวีซ่าธุรกิจ Business Manager Visa (経営・管理 Keiei-Kanri) ไปแล้ว แต่หากคุณกำลังมีความคิดที่จะเริ่มธุรกิจ และต้องการมาศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนที่จะเริ่มธุรกิจในญี่ปุ่น วีซ่าสตาร์ทอัพ (スタートアップビザ Start Up Visa) ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับคุณ โดยจะมีข้อดี ข้อเสีย ความแตกต่างจากวีซ่าธุรกิจอย่างไรนั้น สามารถติดตามได้ในบทความนี้
■ วีซ่าสตาร์ทอัพคืออะไร?
วีซ่าสตาร์ทอัพ (スタートアップビザ Start Up Visa) เป็นโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการต่างประเทศที่สามารถเข้ามาศึกษาและดูแนวโน้มในการจัดตั้งธุรกิจ ที่ได้รับการอนุมัติแผนจากกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรม เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการต่างประเทศและส่งเสริมการเป็นผู้ประกอบการใหม่ในประเทศญี่ปุ่น การขอวีซ่าสตาร์ทอัพขอได้ที่เมืองที่ให้การสนับสนุนเฉพาะเกี่ยวกับ วีซ่าสตาร์ทอัพ โดยสามารถลิงก์ไปยังผู้ติดต่อจะปรากฏบนเว็บไซต์ของแต่ละเมืองต่อไปนี้
Hokkaido Sendai Ibaraki Shibuya Yokohama Aichi Gifu Mie Kyoto Osaka Kobe Fukuoka Oita
โปรดติดต่อไปยังสถานที่ที่คุณสนใจจะเริ่มธุรกิจ และสนใจที่จะขอวีซ่าสตาร์ทอัพในสถานที่นั้นๆ
บทความแนะนำ
■ วีซ่าสตาร์ทอัพต่างจากวีซ่าธุรกิจอย่างไร
วีซ่าสตาร์ทอัพ ได้รับการแนะนำโดยกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม (METI) เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการต่างชาติในการเริ่มต้นธุรกิจในญี่ปุ่น มีความแตกต่างที่สำคัญจากวีซ่าธุรกิจดังนี้
วีซ่าธุรกิจ |
วีซ่าสตาร์ทอัพ |
|
ระยะเวลาการพำนัก |
3 เดือน ถึง 5 ปี |
6 ถึง 12 เดือน |
สถานที่ยื่นขอ |
ทั่วประเทศญี่ปุ่น |
สำนักงานใน 13 เมืองที่กล่าวไปข้างต้น |
เงินลงทุน |
ขั้นต่ำ 5 ล้านเยน |
ไม่กำหนด |
สำนักงานถาวร |
ต้องมีที่อยู่ถาวร |
ไม่กำหนด |
สถานะวีซ่า |
ระยะยาว |
ชั่วคราว |
วีซ่าสตาร์ทอัพเป็นวิธีชั่วคราวในการเริ่มต้นธุรกิจของคุณ ผู้ถือวีซ่าสตาร์ทอัพที่ต้องการดำเนินธุรกิจต่อไปจะต้องเปลี่ยนเป็น วีซ่าธุรกิจ Business Manager Visa หลังจากที่วีซ่าสตาร์ทอัพหมดอายุ
■ ข้อกำหนดและคุณสมบัติ
ข้อกำหนดสำหรับวีซ่าเริ่มต้นในญี่ปุ่นแตกต่างกันเล็กน้อยในแต่ละเมืองที่เสนอวีซ่านี้ โดยสามารถตรวจสอบได้ที่ลิ้งก์ของแต่ละเมืองด้านบน อย่างไรก็ตามโดยทั่วไปแล้ว คือผู้สมัครจะต้องเตรียมเอกสารที่มีเยอะมากและส่งเอกสารทั้งหมดไปยังเมืองที่ต้องการ การตรวจคัดกรองมักใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน หากการสมัครของคุณสำเร็จ คุณจะได้รับเชิญให้ไปสัมภาษณ์และประเมินผลขั้นสุดท้ายในหน่วยงาน การสัมภาษณ์ซึ่งออกแบบมาเพื่อตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้สมัครนั้น เมื่อผ่านทั้งหมดคุณก็สามารถยื่นขอวีซ่าได้
※ผู้ถือวีซ่าญี่ปุ่นระยะยาว (นักเรียน, ทำงาน, คู่สมรส, ผู้อยู่ในอุปการะ ฯลฯ ) ไม่มีคุณสมบัติสำหรับการสมัครวีซ่าสตาร์ทอัพ อัปเดตเมื่อกรกฎาคม 2020: ความเป็นไปได้ในการโอนเปลี่ยนจากวีซ่าระยะยาวเป็นวีซ่าสตาร์ทอัพ ที่โครงการวีซ่าสตาร์ทอัพของโตเกียวและเกียวโต ได้รับการยืนยันแล้วว่าทำได้ ส่วนเมืองอื่นโปรดตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ในแต่ละเมือง
■ ขั้นตอนการสมัคร
-
จัดทำเอกสาร (แบบฟอร์มใบสมัครยืนยันการดำเนินการทางธุรกิจใหม่ แผนปฏิบัติการทางธุรกิจใหม่, ประวัติย่อ/CV, สำเนาหนังสือเดินทางของผู้สมัคร, เอกสารที่สามารถชี้แจงได้ว่าผู้สมัครจะพำนักอยู่ที่ใดเป็นเวลา 6 เดือนหลังจากเดินทางมาญี่ปุ่น, เอกสารอื่นๆ ที่จำเป็น เช่น สำเนาสมุดบัญชีธนาคาร เอกสารแสดงยอดเงินในบัญชี)
-
ยื่นเอกสารไปที่เมืองที่ต้องการ
-
สัมภาษณ์
-
ได้รับจดหมายรับรองจากเมืองนั้นและนำไปที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่อขอใบการรับรองคุณสมบัติ (COE)
-
ได้รับใบรับรองคุณสมบัติ (COE) และนำไปที่สถานกงสุลญี่ปุ่นนอกประเทศญี่ปุ่นเพื่อรับวีซ่า 6 เดือนที่ระบุว่าสตาร์ทอัพ
-
เดินทางสู่ประเทศญี่ปุ่นในฐานะผู้ประกอบการ
■ เอกสารที่ต้องใช้
เอกสารที่ต้องยื่นในแต่ละเมืองจะแตกต่างกันเล็กน้อย ดังนั้นจึงโปรดตรวจสอบเว็บไซต์ของเมืองที่คุณต้องการไปจัดตั้งธุรกิจ แต่โดยรวมๆแล้วจะต้องใช้เอกสารดังนี้
-
แบบฟอร์มใบสมัครยืนยันการดำเนินการทางธุรกิจใหม่
-
แผนปฏิบัติการทางธุรกิจใหม่
-
ประวัติย่อ/CV
-
สำเนาหนังสือเดินทางของผู้สมัคร
-
เอกสารที่สามารถชี้แจงได้ว่าผู้สมัครจะพำนักอยู่ที่ใดเป็นเวลา 6 เดือนหลังจากเดินทางมาญี่ปุ่น (สัญญาเช่าบ้าน โรงแรม หรืออื่นๆที่ระบุที่อยู่ชัดเจน)
-
เอกสารอื่นๆ ที่จำเป็น เช่น สำเนาสมุดบัญชีธนาคาร เอกสารแสดงยอดเงินในบัญชี
ในบางเมืองคุณอาจจะต้องกรอกข้อมูลเป็นภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ในบางเมืองสามารถดาวน์โหลดเอกสารและกรอกเอกสารเป็นภาษาอังกฤษได้เช่น Shibuya Kyoto เป็นต้น