แนะนำศาลเจ้าและวัดในญี่ปุ่น สายมูต้องไม่พลาด!

คนญี่ปุ่นโดยส่วนมากนับถือศาสนาพุทธและศาสนาชินโต และมีคนญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยที่ให้ความเคารพทั้งสองศาสนา มีการไปไหว้ศาลเจ้าศาสนาชินโตในช่วงปีใหม่ แต่จัดงานศพในวัดแบบศาสนาพุทธทั่วไป การผสมผสานของทั้งสองศาสนาเข้าด้วยกันเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น

สารบัญ

ศาลเจ้าและวัดในญี่ปุ่น

ศาลเจ้า วัด ในญี่ปุ่น

ศาลเจ้าและวัดในญี่ปุ่น เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมไปชมวัฒนธรรมความเป็นญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยโบราณ และทั้งสองแห่งนี้ก็มีบรรยากาศที่คล้ายกันจนแทบจะแยกไม่ออกว่าสถานที่ไหนคือวัดหรือศาลเจ้า แต่ถ้าจะให้อธิบายแบบเข้าใจง่ายๆก็คือ วัดเป็นศาสนสถานของศาสนาพุทธ โดยจะมีลักษณะภายนอกที่สังเกตเห็นได้ง่ายคือมีพระพุทธรูป,พระและสุสาน ส่วนศาลเจ้าเป็นศาสนสถานของศาสนาชินโตเป็นที่สถิตของเทพเจ้า มักมีเสาโทริอิสีแดง (หรือสีอื่น แต่ส่วนมากจะเป็นสีแดง) อยู่ตรงทางเข้าของศาลเจ้า

ศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่น

ศาลเจ้าในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า จินจะ (神社) เป็นสถานที่ที่มีอยู่ในธรรมชาติมาช้านาน หรือเคยถูกใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ในอดีต ภายในศาลเจ้าจะมีนักบวชและมิโกะเป็นผู้ประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่สถิตของเทพเจ้าในศาสนาชินโต ตามความเชื่อของชินโต จะมีเสาโทริอิอยู่หน้าทางเข้า เสาโทริอิถือเป็นประตูสู่เขตแดนศักดิ์สิทธิ์ที่แบ่งออกจากโลกมนุษย์ ก่อนเดินเข้าไปเราต้องยืนโค้งที่หน้าเสาโทริอิ 1 ครั้ง เพื่อเป็นการทำความเคารพต่อเทพเจ้าแล้วจึงเดินลอดเสาโทริอิเข้าไปในศาลเจ้า ศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่นมีดังนี้

伊勢神宮 / ศาลเจ้าอิเสะ

ศาลเจ้าอิเสะ

ศาลเจ้าอิเสะ ตั้งอยู่ที่เมืองอิเสะ ในจังหวัดมิเอะ เป็นศาลเจ้าที่ควบตำแหน่งทั้งเป็นศาลเจ้าที่ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดด้วยอายุกว่า 2,000 ปี ศาลเจ้าอิเสะเป็นสถานที่ที่ทั้งพระจักรพรรดิและคนญี่ปุ่นต่างต้องมาสักการะกัน กล่าวกันว่าในแต่ละปีมีคนญี่ปุ่นมาที่นี่ไม่ต่ำกว่า 8 ล้านคนเลยทีเดียว ศาลเจ้าแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อ 4 ปีก่อนคริสตกาลเพื่อให้เป็นที่สถิตของเทพีแห่งดวงอาทิตย์ นอกจากตัวศาลเจ้าหลักแล้วก็ยังมีศาลเจ้าเล็กๆ มากมายกว่า 125 ศาลเจ้าในบริเวณนี้ด้วย ในสมัยโบราณนั้นมีคนเดินทางมายังศาลเจ้าแห่งนี้มากมาย จนต้องมีการก่อสร้างร้านค้าและที่พักเพื่อรองรับผู้ที่เดินทางมาแสวงบุญจนกลายมาเป็นเมืองอิเสะในปัจจุบัน

厳島神社 / ศาลเจ้าอิสึกุชิมะ

ศาลเจ้าอิสึกุชิมะ

ศาลเจ้าอิสึกุชิมะ ตั้งอยู่บนเกาะมิยาจิม่า จังหวัดฮิโรชิม่า ซึ่งมีชื่อเสียงจากเสาโทริอิสีแดงที่อยู่กลางทะเล ศาลเจ้าอิสึกุชิมะตั้งอยู่เกาะมิยาจิม่าที่แปลว่าเกาะแห่งศาลเจ้า มียอดเขาสูงที่ชื่อภูเขาไมเซนซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับคนท้องถิ่น และเกาะแห่งนี้ได้รับเลือกจากผู้ที่มีอำนาจที่สุดในสมัยเฮอันให้เป็นที่ตั้งของศาลเจ้าประจำตระกูลคือศาลเจ้าอิสึกุชิมะในปัจจุบัน ศาลเจ้าอิสึกุชิมะนั้นจะประกอบไปด้วยหลายอาคาร เช่น อาคารภาวนา อาคารหลัก และโรงละคร ซึ่งจะเชื่อมต่อกันด้วยทางระเบียงทางเดินที่มีเสารับน้ำหนักด้านล่างอยู่ในทะเล หากไปช่วงน้ำขึ้นแนะนำให้นั่งเรือชมบรรยากาศ และบางทีอาจจะได้นั่งเรือลอดเสาโทริอิกลางทะเลอีกด้วย

伏見稲荷大社 / ฟุชิมิ อินาริ ไทฉะ

伏見稲荷大社 / ฟุชิมิ อินาริ ไทฉะ

ฟุชิมิ อินาริ ไทฉะ หรือที่เรียกกันว่า ศาลเจ้าจิ้งจอก ตั้งอยู่ที่เมืองเกียวโตเป็นศาลเจ้าชินโตที่สร้างขึ้นเพื่อให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ในด้านกสิกรรม มีลักษณะเด่นอยู่ที่เสาโทริอิสีแดงสดนับหมื่นต้นเรียงรายกันตั้งแต่ด้านหน้าเขายาวประมาณ 4 กิโลเมตร ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมติดอันดับต้นๆของเกียวโตโดยมีบริษัทใหญ่และบุคคลที่มีชื่อเสียงมากมายมาสร้างเสาโทริอิที่นี่ด้วย

 宇治上神社 / ศาลเจ้าอุจิงามิ

 宇治上神社 / ศาลเจ้าอุจิงามิ

ศาลเจ้าอูจิงามิ ตั้งอยู่ที่เมืองอูจิในจังหวัดเกียวโต แม้ว่าศาลเจ้าแห่งนี้จะไม่มีบันทึกเอาไว้ว่าสร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อใด แต่จากการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญคาดว่าน่าจะสร้างขึ้นประมาณปี ค.ศ.1060 ด้วยหลักฐานหลายๆอย่างที่พบว่าตัวศาลเจ้าแห่งนี้มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับวัดเบียวโดอินซึ่งเป็นวัดที่มีชื่อเสียงอีกแห่งของเกียวโต ศาลเจ้าอูจิงามิยังได้ถูกบันทึกให้เป็นมรดกโลก UNESCO World Heritage Site ในปี 1994 อีกด้วย

日光東照宮 / ศาลเจ้านิกโก้โทโชกุ

日光東照宮 / ศาลเจ้านิกโก้โทโชกุ

ศาลเจ้านิกโก้โทโชกุ เป็นศาลเจ้าที่สักการะบูชาโชกุนโทกุงาวะ อิเอยาสุ และก็เป็น 1 ในมรดกโลกขึ้นชื่อของญี่ปุ่น จุดเด่นอยู่ที่สถาปัตยกรรมที่ได้รับการลงรักทาสีโดยช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญจากทั่วญี่ปุ่น และงานแกะสลักตกแต่งมากมายและที่มีชื่อเสียงก็คงหนีไม่พ้นลิงสามตัวนี้ ซันซะรุ (三猿) โดยมี มิซะรุ (見猿) มีลักษณะใช้มือปิดตา หมายถึงการไม่รับรู้โดยการมองในสิ่งไม่ดี คิกะซะรุ (聞か猿) ใช้มือปิดหู หมายถึงการไม่ฟังในสิ่งที่ไม่ดี และอิวะซะรุ (言わ猿) ใช้มือปิดปาก บ่งบอกถึงการไม่กล่าววาจาในสิ่งที่ไม่ดี ใจความสำคัญของลิงสามตัวก็คือ การคิดดี พูดดี และทำดี นั่นเอง

明治神宮 / ศาลเจ้าเมจิจิงงู

明治神宮 / ศาลเจ้าเมจิจิงงู

ศาลเจ้าเมจิจิงงู ศาลเจ้าชื่อดังของญี่ปุ่นที่ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ.1920 สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแก่ดวงวิญญาณขององค์จักรพรรดิเมจิและพระจักรพรรดิณีโชเค็ง มีพื้นที่ทั้งหมดกว่า 700,000 ตารางกิโลเมตร ต้นไม้กว่า 365 สายพันธุ์ ประมาณ 120,000 ต้น สัญลักษณ์ของศาลเจ้าเมจิจิงงูคือ โทริอิที่ทำจากไม้ ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นตั้งอยู่ทางเข้าศาลเจ้า ตั้งอยู่ติดกับสวนสาธารณะโยโยงิ และใกล้กับสถานที่นัดพบของวัยรุ่นชื่อดังอย่างฮาราจูกุ 

วัดที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่น

วัดหรือในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า โอเทระ (お寺) วัดเป็นศาสนสถานของศาสนาพุทธ โดยจะมีลักษณะภายนอกที่สังเกตเห็นได้ง่ายคือมีพระพุทธรูป,พระและสุสาน วัดที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่นมีดังนี้

高野山 / วัดโคยะซัง

高野山 / วัดโคยะซัง

วัดโคยะซังอยู่ที่จังหวัดวาคายามะ จุดที่ห้ามพลาดคือ คงโงบุจิ (金剛峯寺) ที่เป็นวัดประธานของพุทธศาสนานิกายชินงอน มีประตูเลื่อนเขียนสีอันวิจิตรงดงาม สวนหินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ผู้ชื่นชอบงานสถาปัตยกรรมจะได้ชื่นชมกับระบบป้องกันอัคคีภัยแบบโบราณ ที่ประกอบด้วยถังรองน้ำฝนที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่หลังคาเปลือกไม้ของวัด มีที่พักปฏิบัติธรรมชุคุโบ สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าถึงความสงบมีกิจกรรมการปฏิบัติสมาธิ(อะจิคัง) ฟังการสอนสวดมนต์และการฝึกฝนคัดพระสูตร

วัดที่มีชื่อเสียงของเกียวโต

三十三間堂 / ซันจูซังเกนโด

三十三間堂 / ซันจูซังเกนโด

วัดซันจูซังเกนโดเป็นวัดของนิกายเทนได ตั้งขึ้นในปี 1164 โดย ไทระ โนะ คิโยโมริ และมีชื่ออย่างเป็นทางการคือเร็งเกียว-อิน (蓮華王院) รู้จักกันดีในชื่อวัดเจ้าแม่กวนอิม 1000 มือ ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเมืองเกียวโต ถือว่าเป็นวัดที่ผู้ศรัทธาในเจ้าแม่กวนอิมหรือต้องการความเป็นสิริมงคลห้ามพลาดโดยเด็ดขาด

永観堂 禅林寺 /วัดเอคันโด เซ็นรินจิ

永観堂 禅林寺 /วัดเอคันโด เซ็นรินจิ

วัดเอคันโด เซ็นรินจิ ก่อสร้างเมื่อ ในสมัยเฮอัน (ค.ศ. 853) เป็นวัดพุทธนิกายโจโด มีสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญมากมาย รวมถึงสมบัติประจำชาติ "ยามะโกชิ อามิดะซุ" (山越阿弥陀図) ตั้งอยู่ทางเหนือของเมืองเกียวโต ที่นี่ยังมีชื่อเสียงมากในฐานะจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีอีกด้วย 

金閣寺 / วัดคินคะคุจิ

金閣寺 / วัดคินคะคุจิ

วัดคินคะคุจิ หรือที่คนไทยรู้จักกันในนาม วัดทอง ตั้งอยู่ในเกียวโต สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1397 เพื่อใช้เป็นที่พำนักของโชกุนอาชิคาวะ โยชิมิสุ ใช้เป็นสถานที่รับรองแขกบ้านแขกเมืองคนสำคัญ ภายหลังจึงกลายเป็นวัดในปัจจุบันระหว่างช่วงสงครามโอนิน ปีค.ศ.1467–1477 วัดได้ถูกไฟไหม้ วัดคินคะคุจิในปัจจุบันนั้น ก็คือตัวอาคารที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ.1955 โดยยังคงรักษาเอกลักษณ์เดิมเอาไว้ 

清水寺 / วัดคิโยมิสึเดระ

清水寺 / วัดคิโยมิสึเดระ

วัดคิโยมิสึเดระ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 780 เป็นวัดที่มีทัศนียภาพสวยงามราวกับลอยอยู่บนที่สูง การสร้างวัดคิโยมิสึเดระทั้งหมดนี้ไม่มีการใช้ตะปูใดๆทั้งสิ้น ถือว่าเป็นภูมิปัญญาของคนโบราณที่น่าทึ่งมาก เป็นที่ทราบกันดีของชาวต่างชาติถึงความสวยงามของวัดและในภาพคือจุดถ่ายภาพยอดนิยมของนักท่องเที่ยวและเป็นจุดชมซากุระและชมใบไม้แดงที่ขึ้นชื่อของเกียวโตอีกด้วย เนื่องจากการที่วัดมีสถาปัตยกรรมโบราณที่งดงามชวนตะลึงจนยูเนสโกได้บันทึกให้วัดแห่งนี้ขึ้นเป็นมรดกโลก (UNESCO world heritage sites) 

平等院 / วัดเบียวโดอิน

平等院 / วัดเบียวโดอิน

วัดเบียวโดอิน ตั้งอยู่ในอุจิ เกียวโต สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยเฮอันในปี ค.ศ. 1052 เป็นวัดที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโจโดที่โดดเด่นมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ เป็นการสร้างที่ยึดเอาแนวคิดทางพระพุทธศาสนามาเป็นหลักแล้วมีการเชื่อมโยงกันให้เป็นหนึ่งเดียวการจัดสวนที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นดินแดนบริสุทธิ์ในอุดมคติในของศาสนาพุทธ วัดแห่งนี้ก็เป็นเหมือนกับอีกหลายๆวัดในญี่ปุ่นที่ได้รับความเสียหายและถูกทำลายลงหลายๆส่วน หากก็ยังมีการบูรณะอยู่ตลอดเพื่อคงรักษาความงามเอาไว้ ช่วงที่คนนิยมมามากที่สุดก็เป็นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี เรียกว่าเป็นจุดที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยไม่แพ้ที่อื่นในเกียวโตเลย

妙喜庵 / วัดเมียวคิอัน

妙喜庵 / วัดเมียวคิอัน

วัดเมียวคิอันก่อสร้างขึ้นในค.ศ. 1492-1501 ซึ่งเป็นห้องพิธีชงชาแห่งเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่ ที่ออกแบบโดย เซ็นโนะริคิว ผู้ก่อตั้งพิธีชงชาของญี่ปุ่น ถือเป็นต้นแบบของห้องพิธีชงชาซึ่งปัจจุบันพบได้ทั่วไปและเป็นต้นแบบ ของสถาปัตยกรรมสุคิยะ 

[หมายเหตุ] วัดต่างๆ เช่น วัดคิโยมิสึเดระ, วัดเบียวโดอิน และ วัดคินคะคุจิ ในเกียวโตได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO ในปี 1994

วัดที่ขึ้นทะเบียนมรดกโลกอื่นๆ

法隆寺 / วัดโฮริวจิ

法隆寺 / วัดโฮริวจิ

วัดโฮริวจิ เป็นวัดพุทธในเมืองอิการูงะ จังหวัดนาระ ก่อสร้างในปี พ.ศ. 1150 มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า "วัดปราชญ์เปรื่องธรรม" (法隆学問寺) มีที่มาจากการที่วัดนี้ได้เปิดให้เป็นโรงเรียนสอนศาสนาเช่นเดียวกับที่เป็นอารามสงฆ์ เป็นที่ยอมรับกันว่าวัดนี้มีอาคารไม้หลายหลังที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดเท่าที่มีอยู่ในโลก ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO เป็นครั้งแรกในญี่ปุ่น มีชื่อเสียงในด้านโครงสร้างไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก

東大寺 / วัดโทไดจิ 

東大寺 / วัดโทไดจิ 

วัดโทไดจิ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในวัดที่เป็นตัวแทนของนารา สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 752 วัดนี้มีชื่อเสียงจาก วิหารไม้หลังใหญ่ "ไดบุตสึเด็น" (大仏殿) เป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งได้รับเลือกให้เป็นสมบัติของชาติและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และที่สำคัญคือมีการมาเยี่ยมชมน้องกวางที่อาศัยอยู่ที่นี่

วัดที่มีชื่อเสียงของโตเกียว

浅草寺 / วัดเซ็นโซจิ

浅草寺 / วัดเซ็นโซจิ

วัดเซ็นโซจิ ก่อสร้างขึ้นประมาณปี ค.ศ. 628 เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียวและ ตั้งอยู่ในอาซากุสะ วัดดั้งเดิมถูกระเบิดเผาทำลายไปเกือบหมดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ตัววัดปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมด วัดที่มีประตูและโคมแดงขนาดยักษ์ เป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติในฐานะสถานที่ท่องเที่ยว และเป็นจุดถ่ายรูปห้ามพลาดเมื่อมาโตเกียว

สรุป

ประเทศญี่ปุ่นมีศาลเจ้าและวัดหลายแห่งที่ควรค่าแก่การเยี่ยมชมด้วยเหตุผลหลายประการ เป็นพื้นที่ที่มีเอกลักษณ์ความเป็นญี่ปุ่น ซึ่งไม่เพียงแค่จุดประสงค์ทางศาสนาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันด้วย และเป็นสถานที่เปิดกว้างสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนญี่ปุ่น ลองวางแผนการเยี่ยมชมศาลเจ้าและวัดเพื่อสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นร่วมกับกำหนดการเดินทางของคุณ และที่สำคัญสำหรับสายมูทุกคนคือการไปซื้อเครื่องรางของขลัง เช่น เครื่องราง หรือภาษาญี่ปุ่นคือ お守り (Omamori), เซียมซีญี่ปุ่น, ดารุมะ, นกกระเรียนพันตัว, แมวกวัก ฯลฯ เราได้รวบรวมไว้แล้วที่บทความ รวมฮิต! เครื่องรางของขลังต่างๆของญี่ปุ่น 

นักเขียน

WeXpats
นำเสนอบทความที่หลากหลาย ตั้งแต่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการใช้ชีวิต การทำงาน และการศึกษาต่อในประเทศญี่ปุ่น รวมไปจนถึงบทความแนะนำเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่น

บทความพิเศษ 特集

บทความยอดนิยม 人気記事

โซเชียลมีเดีย ソーシャルメディア

นำเสนอข้อมูลล่าสุดในญี่ปุ่นใน 9 ภาษา!

  • English
  • 한국어
  • Tiếng Việt
  • မြန်မာဘာသာစကား
  • Bahasa Indonesia
  • 中文 (繁體)
  • Español
  • Português
  • ภาษาไทย
TOP/ วัฒนธรรมญี่ปุ่น/ วัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม/ แนะนำศาลเจ้าและวัดในญี่ปุ่น สายมูต้องไม่พลาด!

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงการเข้าถึงและคุณภาพของเว็บไซต์ของเรา โปรดคลิก "ยอมรับ" เพื่อยอมรับการใช้คุกกี้ของเรา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้คุกกี้ของเราโปรดคลิกที่นี่

นโยบายการใช้คุกกี้